“Blair Witch” เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ออกฉายในปี 2016 ซึ่งเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ “The Blair Witch Project” ที่ออกฉายในปี 1999. การกลับมานี้ได้รับการกำกับโดยอดี้ วินเซล (Adam Wingard) และเป็นภาพยนตร์ที่เน้นใช้กระแสเทคโนโลยีในการสร้างความตื่นเต้นและความสยองขวัญ.
เรื่องราวของ “Blair Witch” เริ่มต้นเมื่อ James Donahue (ที่มีบทเป็นนักวิจัย) ได้ค้นพบว่ามีวีดีโอที่ถ่ายขึ้นมาในป่าที่ในนั้นเขาคิดว่าน่าจะเป็นสัญญาณที่ชี้ให้ทราบถึงสถานะของน้องสาวของเขาที่หายตัวมานาน (Heather Donahue) ซึ่งมีความเชื่อว่าเธอไปยังป่าบลแล็ควิตชื่อดังที่มีตำนานเกี่ยวกับผีดุ. James ทำการจัดทีมนักวิจัยไปที่ป่าเพื่อค้นหาที่หายตัวของน้องสาว และพวกเขาก็พบว่าป่านี้มีความน่าสยองขวัญและเต็มไปด้วยความลึกลับ.
เมื่อกลุ่มนักวิจัยเข้าไปในป่าแล้ว พวกเขาพบกับความสะท้อนจากเหตุการณ์ผีดุที่เราได้เห็นในภาคก่อน ๆ นี้ และเหตุการณ์ลึกลับในป่าทำให้พวกเขาต้องพยายามทำลายจุดอ่อนของทฤษฎีและความจริงที่ซ่อนอยู่ในป่าบลแล็ควิต.
“Blair Witch” มีแนวทางสร้างความสยองขวัญจากมุมมองกล้อง Handheld และใช้เทคโนโลยีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันเพื่อเพิ่มความลึกลับและสร้างสภาพอากาศที่น่าตื่นเต้น. ถึงแม้ว่าความคิดริเริ่มและการปล่อยตัวของภาพยนตร์นี้จะได้รับความคาดหวังมากขึ้นกับผู้ชม แต่มีคนชอบและคนไม่ชอบตามมากมาย.
การท้าทายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือสิ่งลี้ลับ ยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยหยุดยั้งต่อให้จะได้ยินเรื่องเล่าหรือคำเตือนที่น่ากลัวสักแค่ไหนก็ตาม เช่นเดียวกับ ตำนานแม่มดแบลร์ แห่งป่าแบล็กฮิลล์ในเมืองเบอร์สกิตวิลล์ รัฐแมรี่แลนด์ ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของแม่มดลึกลับ ที่มักล่อลวงมนุษย์ที่เป็นเหยื่อที่หลงเข้ามาในป่าแห่งนี้เพื่อฆ่าเอาเลือดสด ๆ มาประกอบพิธีกรรมชวนขนหัวลุก ถึงกระนั้นก็ตาม ยังคงมีกลุ่มคนที่กล้าดีที่จะเข้าไปพิสูจน์ความจริงของตำนานแม่มดแบลร์โดยมาสนใจคำเตือน อย่างเช่นในปี 1994 เมื่อกลุ่มนักศึกษาวิชาภาพยนตร์ 3 คน ที่เดินทางไปในป่าแบล็กฮิลล์พร้อมกล้องวิดีโอและม้วนเทป สุดท้าย พวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครได้พบเจออีกเลย