ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง “In the Name of the King 2: Two Worlds” (2011) เล่าเรื่องราวของ Hazen Kaine (Dominic Purcell) นักฆ่ารับจ้างที่อาศัยอยู่ในบัลแกเรีย เขาได้รับภารกิจจากมาเฟียให้จับตัวลูกๆของมหาเศรษฐี แอนดอน ดูปองต์ แต่งานที่เขาคิดว่าง่ายกลับกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เมื่อสร้อยคอของเด็กที่เขาจับตัวมานำเขาย้อนเวลาไปสู่ยุคกลาง
เวลานี้ ฮาเซน ต้องใช้ทักษะการต่อสู้ที่มีหาทางหนีจากกองทัพนักรบชุดเกราะ และมังกรยักษ์พ่นไฟ เขาต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมพลังลึกลับที่เขามีอยู่ในตัวเพื่อเอาชนะศัตรูที่ยิ่งใหญ่
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์อย่างหลากหลาย บางคนยกย่องการแสดงของ Purcell และฉากแอ็คชั่นที่ตระการตา ในขณะที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์บทภาพยนตร์ที่อ่อนแอและขาดความลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ เปิดตัวในอันดับที่ 3 ในบ็อกซ์ออฟฟิศบัลแกเรีย และทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 2 ล้านดอลลาร์
จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซีที่สนุกสนานและตื่นเต้น เหมาะสำหรับแฟนๆ ของ Dominic Purcell และภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นแฟนตาซี
ฮาเซน เคน (โดมินิค) นักฆ่ารับจ้างชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในบัลแกเรีย ต้องเจอกับสิ่งที่เกินกว่าที่เขาคาดไว้เมื่อเขาไปทำสัญญากับพวกมาเฟีย งานสุดท้ายก่อนที่จะล้างมือจากวงการแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่คือจับตัวลูกๆของมหาเศรษฐี แอนดอน ดูปองต์ แต่งานที่เขาคิดว่าง่ายกลับกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เมื่อสร้อยคอของเด็กที่เขาจับตัวมานำเขาย้อนเวลาไปสู่ยุคกลาง เวลานี้ ฮาเซน ต้องใช้ทักษะการต่อสู้ที่มีหาทางหนีจากกองทัพนักรบชุดเกราะ และมังกรยักษ์พ่นไฟ